แสตมป์-ริตู กับเส้นทาง ที่ทั้งคู่ก่อนที่จะมาเจอกัน ในการชิงดำ ศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 3 ธันวาคมนี้ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ และ ริตู โฟกาต คือ นักกีฬา 2 คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ในทัวร์นาเม้นต์ การต่อสู้ แบบผสมผสานหญิงล้วน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง โดยทั้งคู่จะได้ประลอง ฝีมือในการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศ
ศึก ONE : WINTER WARRIORS ที่จะทำการถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ซึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะ ทำการปะทะกัน เพื่อชิงเข็มขัดแชมป์ สีเงินอันเลอค่า ประจำทัวร์นาเม้นต์ และคว้าสิทธิ์ในการท้าชิงแชมป์ โลกกับราชินีหญิง รุ่นอะตอมเวต แองเจลา ลี วันนี้ บาทความนี้ จะพาคุณไปดูผลงานที่ผ่านมาของพวกเธอกัน
แสตมป์ สร้างกระแสฮือฮา เมื่อมีข่าวว่า เธอ คือสาวไทย คนเดียวที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 ของผู้เข้าแข่งขัน จาก 8 ชาติ ในทัวร์นาเม้นต์ ครั้งประวัติศาสตร์ รอบแรกของการแข่งขันเธอประกบคู่ เจอกับอริเก่าชาวยูเครน อาลีโอนา ราสโซฮินา ที่เคยทำให้สถิติไร้พ่าย ในการต่อสู้ ผสมผสานของ เธอ ต้องสะดุดลงในการพบกันครั้งก่อน
ศึกล้างตาของทั้งคู่ในครั้งนี้
ศึกล้างตา ครั้งนี้ ของทั้งคู่ แสตมป์ สามารถต่อกร กับเจ้าแม่อาร์มบาร์ อย่าง อาลี โอนา ได้อย่างถึงพริก ถึงขิง และสามารถเฉือนเอาชนะ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ล้างแค้นคู่ปรับเก่า ได้สำเร็จ ลอยลำเข้าสู่รอบ 4 คน สุดท้าย
แสตมป์ กับ อาลีโอนา เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันที่ 3 กันยา 64 เธอได้รบการโหวดจากแฟนกีฬาทั่วโลก ให้ประกบคู่กับ ซอ ฮี ฮาม นักสู้สาวจากแดนกิมจิ ก้ต้องเปลี่ยนคู่ชกกะทันหัน เพราะคู่แข่ง ได้รับบาดเจ็บ จนต้องถอนตัว โดยเธอเผชิญหน้า กับนักชกสาวเลือดแซมบา จูลี เมซาบาร์บา ที่เธอเข้ามาเสียบแทน ในฐานะนักกีฬาสำรอง
แสตมป์-ริตู ในรอบรองชนะเลิศ 29 ตุลา 64
สำหรับรอบก่อนรองชนะเลิศ ริตู ตกอยู่ในฐานะมวยรอง เมื่อเธอต้องเจอกับ นักสู่สาวหมัดหนัก จากแดนมังกร เมงโบ ผู้รั้งอันดับ 2 ของแรงกิ้ง ONE รุ่นอะตอมเวต ในขณะนั้น แม้เธอจะเพลี่ยงพล้ำ โดนเพลงหมัดของสาวจีน จนเกือบโดนน็อค ในตอนแรก แต่ด้วยหัวใจสมิง เธอสามารถเอาตัวรอด และกลับมาพลิกเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ ผ่านเข้าสู่รอบ รองชนะเลิศ ได้อย่างน่าประทับใจ
เส้นทางของ แสตมป์-ริตู ขยับเข้าใกล้เส้นชัยขึ้นมาทุกที เดี๋ยวเราก็ได้รู้กันว่า ใครที่สมควรจะได้ครองแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ONE
สามารถกดรับชมได้ที่นี่ >>>
แหล่งที่มาของรูปภาพ
ข่าวกีฬา ที่น่าสนใจ